พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
ท้าวเวสสุวรรณ เ...
ท้าวเวสสุวรรณ เจ้าคุณศรีสนธิ์ เนื้อเงิน(โคตรหายาก)พิมพ์ฐานบัวเม็ดหรือฐานใข่ปลาจัดสร้างในปี พ.ศ.๒๔๙๑
ท้าวเวสสุวรรณ เป็นอธิบดีแห่งอสูรย์หรือยักษ์ หรือเป็นเจ้าแห่งผี เรียกง่าย ๆ ว่า " นายผี " เป็นหนึ่งในบรรดาท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้คุ้มครองและดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ซึ่งมีท้าวมหาราชทั้งสี่ปกครอง คือ ท้าวธตรัฏฐะ ท้าววิรุฬหกะ ท้าววิรูปักขะ และท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร) ประจำทิศต่างๆ ทั้งสี่ทิศโดยเฉพาะท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร) เป็นใหญ่ปกครองบริวารทางทิศเหนือ ว่ากันว่าอาณาเขตที่ท่านท้าวเวสสุวรรณดูแลปกครองรับผิดชอบมีอาณาเขตใหญ่โตมหาศาล กว้างขวาง และเป็นใหญ่กว่าท้าวจตุโลกบาลทั้ง4 กล่าวคือเป็นหัวหน้าท้าวมหาราชองค์อื่นๆนั่นเอง
ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทพแห่งขุมทรัพย์ เป็นมหาเทพแห่งความร่ำรวย มั่งคั่ง รักษาสมบัติของชาวโลกโบราณ ศาสนสถานสำคัญต่างๆมากมายทั้งเป็นเจ้านายปกครองดูแลพวกยักษ์ภูติผีปีศาจทั้งปวง
ในคัมภีร์เทวภูมิ กล่าวไว้ว่า ท้าวเวสสุวรรณได้บำเพ็ญพรตตบะบารมีธรรมมาหลายพันปี รับพรจาก พระอิศวร พระพรหม ให้เป็นเทพแห่งความร่ำรวย นอกจากนี้หน้าที่ของท่านท้าวเวสสุวรรณนั้นมีมากมาย เช่น
๑.การดูแลรักษาทรัพย์สมบัติของชาวโลกโบราณ และขุมทรัพย์ที่ซ่อนเร้น
๒.ดูแลปกป้องคุ้มครองศาสนสถานสำคัญต่างๆ
๓.ดูแลปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนาและปกป้องคุ้มครองแก่ผู้นั่งสมาธิปฏิบัติพระกรรมฐานปฏิบัติพระธรรม
๔.ดูแลเป็นเจ้านายปกครองพวกยักษ์ภูติผีปีศาจทั้งหลายทั้งปวงให้อยู่ในกฎในระเบียบ เป็นต้น

ในคัมภีร์โบราณ ได้กล่าวไว้ว่าผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา เสริมดวงชะตาและรอดพ้นจากผีร้ายวิญญาณอุบาทว์จังไร ให้ท่านผู้นั้นบูชารูปท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวรเป็นหลัก "ในที่นี้จะขออ้างข้อมูลที่เป็นแหล่งความรู้ในสารานุกรมไทย" คือ
"สารานุกรมไทย" ฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน เล่มที่ ๓ หน้า ๑๔๓๙
กล่าวถึง ท้าวกุเวร หรือ ท้าวเวสสุวรรณ ไว้ว่า กุเวร-ท้าว พระยายักษ์ผู้เป็นเจ้าแห่งขุมทรัพย์ มียักษ์ และคุยหกะ (ยักษ์ผู้เฝ้าขุมทรัพย์) เป็นบริวาร ท้าวกุเวรนั้น บางทีก็เรียกว่า ท้าวไวศรวัน (เวสสุวรรณ) ภาษาทมิฬ เรียก กุเวร ว่า กุเปรัน ซึ่งมีเรื่องอยู่ในรามเกียรติ์ว่า เป็นพี่ต่างมารดาของ ทศกัณฐ์ และทศกัณฐ์ไปแย่งบุษบก ของท้าวกุเวรไป ท้าวกุเวรมีรูปร่างพิการ ผิวขาว มีฟัน ๘ ซี่ และมีขาสามขา (ภาพท้าวเวสสุวรรณจึงมักเขียนท่ายืนแยงแย ถือไม้กระบองยาว อยู่หว่างขา) เมืองท้าวกุเวร ชื่อ อลกาอยู่ บนเขาหิมาลัย มีสวนอุทยานอยู่ไหล่เขาแห่งหนึ่ง ของเขาพระสุเมรุ ชื่อว่า สวนไจตรต หรือ มนทร มีพวกกินนร และคนธรรพ์เป็นผู้รับใช้ ท้าวกุเวรเป็นโลกบาล ประจำทิศเหนือ
ท้าวกุเวรนี้ สถิตอยู่ยอดเขายุคนธรอีสานราชธานี มีสระโกธาณีใหญ่ ๑ สระ ชื่อ ธรณี กว้าง ๕๐ โยชน์ ในน้ำ ดารดาษไปด้วยประทุมชาติ และคลาคล่ำไปด้วย หมู่สัตว์น้ำต่างพรรณ ขอบสระมีมณฑป ชื่อ ภคลวดี กว้างใหญ่ ๑๒ โยชน์ สำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ปกคลุมด้วยเครือเถาภควดีลดาวัลย์ ซึ่งมีดอกออกสะพรั่งห้อยย้อยเป็นพวงพู ณ สถานที่นี้ เป็นสโมสรสถาน ของเหล่ายักษ์บริวาร และยังมีนครสำหรับเป็นที่แปรเทพยสถานอีก ๑๐ แห่ง ท้าวกุเวรมียักษ์ เป็นเสนาบดี ๓๒ ตน ยักษ์รักษาพระนคร ๑๒ ตน ยักษ์เฝ้าประตูนิเวศ ๑๒ ตน ยักษ์ที่เป็นทาส ๙ ตน
นอกจากนี้ยังมีกล่าวว่า ท้าวเวสสุวรรณยังมีกายสีเขียว สัณฐานสูง 2 คาวุต ประมาณ 200 เส้น มีอาวุธเป็นกระบอง มีพาหนะ ช้าง ม้า รถ บางทีปราสาท อาภรณ์มงกุฎประดับรูปนาค ดำรงอิสริยศเป็นเจ้าแห่งยักษ์เจ้าแห่งทรัพย์ มีบริวารแสนโกฏิ ถือโล่แก้ว ประพาฬ หอกทอง เป็นต้น
จากข้อมูลข้างต้นจะขอนำมากล่าวถึงรูปหล่อ เทแบบโบราณที่เป็นรูปท้าวเวสสุวรรณที่โด่งดังมากด้วยประสบการณ์และเป็นที่ต้องการ อันดับหนึ่งของวงการผู้สะสมนิยมพระเครื่องคือ
รูปหล่อเทแบบโบราณท้าวเวสสุวรรณที่สร้างโดยท่านเจ้าคุณศรีฯ(สนธ์) แห่งวัดสุทัศน์ฯ
ในกระบวนการพระหล่อพระเทแบบโบราณ ที่ขึ้นชื่อและเป็นที่ปรารถนาต้องการของบรรดานักสะสมพระเครื่องทุกยุคทุกสมัย ก็คงหนีไม่พ้นพระหล่อโบราณของสำนักวัดสุทัศน์ ด้วยนิยมในพิธีกรรมอันเป็นเลิศเคร่งรัดในฤกษ์ผานาที ตลอดจน การกระแสโลหะอันงดงาม แต่ราคาพระกริ่งพระชัยสำนักวัดสุทัศน์ที่สร้างโดยสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ล้วนมีราคาที่แพงมากๆ ระดับราคาตั้งแต่หลายๆแสนกระทั่งถึงหลายๆล้านจนเกินเอี่อมสำหรับบุคคลธรรมดาทั่วๆไปจนหลายคนจรดไม่ลง กระนั้นสำนักแห่งนี้ก็ยังมีของดีเป็นของเก่าสร้างในสมัย ท่านเจ้าคุณศรีฯ (สนธิ์) ให้เล่นหาสะสม บูชาคุ้มครองตัวอีกมากมายหลายอย่าง พระเหล่านี้สร้างที่ วัดสุทัศน์ด้วย มีเชื้อชนวนมวลสารพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ของเก่าที่สืบเนื่องมาตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ท่านสร้างพระกริ่งพระชัยวัฒน์ในยุคต้นๆ หนึ่งในนั้นที่จะนำมากล่าวถึง คือ ท้าวเวสสุวรรณ(ท้าวกุเวร)หรือที่เรียกกันสันๆว่ายักษ์วัดสุทัศน์นั่นเอง
มีการจัดสร้างสามครั้งสามวาระสามแบบพิมพ์คือ
๑.พิมพ์ฐานผ้าทิพย์(นิยม๑)จัดสร้างในปี พ.ศ.๒๔๙๐ จำนวนน้อยมากๆไม่น่าจะเกินสองร้อยองค์มีราคาหลักแสนขึ้นลง_คือหมื่นปลายถึงแสนปลายสองแสนต้นๆแล้วแต่สภาพความสวย คม สมบูรณ์ (ราคาเมื่อปีพ.ศ.๒๕๕๒) เหตุที่แพงมากๆเพราะ สร้างน้อย ประสบการณ์มาก แบบพิมพ์สวย และถือเป็นรุ่นแรก
๒.พิมพ์ฐานบัวเม็ดหรือฐานใข่ปลาจัดสร้างในปี พ.ศ.๒๔๙๑ จำนานหลักพันองค์ไม่น่าจะเกินสองหรือสามพันองค์แต่ก็ไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน มีราคาหลักหมื่นกลาง(อยู่ที่สภาพและความสวยสมบูรณ์)
๓.พิมพ์หน้ามนุษย์หรือที่เรียกกันง่ายๆว่าพิมพ์หน้าคนจัดสร้างในปี พ.ศ.๒๔๙๒ จำนวนมากขึ้นมาหน่อยเพราะพบเห็นมากกว่าแต่ก็ไม่น่าจะเกินห้าหรือหกพันองค์แต่ก็ไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน เพราะไม่มีหลักฐานเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแต่คำนวนจากการเล่นหาผ่านมือและการพูดถึงของเซียนพระ และนักเล่นพระรุ่นเก่าๆท่านพูดกันไว้ว่า ยักษ์ท่านเจ้าคุณศรีฯ สร้างถึงสามวาระแต่จำนวนน้อยเหลือเกินไม่เพียงพอต่อความต้องการของ(ลูกค้า)คนที่ศรัทธาท่านที่จะนำมาปกป้องคุ้มครองตัว

เหตุผลที่มีการจัดสร้างครั้งแรกในปีพ.ศ.๒๔๙๐เพราะ
เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ท่านเจ้าคุณศรีฯได้กลับไปที่จังหวัดสระบุรี และได้เริ่มลงมือสร้างพระอุโบสถวัดศรีจอมทอง (วัดตีนโนน) ตำบลห้วยป่าหวาย กิ่งอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี อันเป็นชาติภูมิ(บ้านเกิด)ของท่านได้กระทำพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันศุกร์ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๖ ปีกุน นพศก จุลศักราช ๑๓๐๙ ตรงกับวันที่ ๒พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๐ และได้ลงมือปลูกสร้าง แต่ในระหว่างปลูกสร้างนั้น เหล่าบรรดาช่างและชาวบ้านที่มาช่วยงาน ต่างโดน วิญญาณ ภูติผี คอยหลอกหลอนไม่เว้นแต่ละวันจนไม่เป็นอันทำงาน และการสร้างพระอุโบสถก็ดูท่าว่าจะไม่เสร็จเป็นแน่ เพราะชาวบ้านและเหล่าช่างที่มาช่วยงานไม่กล้ามาทำการก่อสร้างกันอีก จึงเป็นเหตุให้ท่านเจ้าคุณศรีฯต้องกลับมาที่วัดสุทัศฯเพื่อมาทำการเทหล่อ ยักษ์ชุดนี้(พิมพ์๑)เพื่อไปแจกจ่ายเหล่าบรรดาชาวบ้านและช่างที่มาช่วยงาน และก็เป็นที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง เพราะตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มี วิญญาณ และพวกภูติผี ออกมาหลอกหลอนอีกเลย และเมี่อเกิดประสบการณ์เหล่าบรรดาลูกศิษย์ที่ตามไปจากกรุงเทพฯ ไม่ได้พระชุดนี้เพราะสร้างน้อยและ(ไม่มีใครสนใจเพราะไม่ใช่พระกริ่งเหตุเพราะเหล่าลูกศิษย์มีความเชื่อว่าวัดสุทัศน์ต้องพระกริ่งเท่านั้น) และอีกหนึ่งสาเหตุคือท่านทำเป็นการเฉพาะกิจคือท่านตั้งใจทำแจกแค่เหล่าบรรดาชาวบ้านและช่างที่มาช่วยงานก่อสร้างวัดเท่านั้นศิษย์ที่ตามไปจากกรุงเทพฯจึงไม่ได้กัน พอมีเหตุการที่น่าอัศจรรย์และเกิดประสบการณ์เหล่าศิษย์ที่กรุงเทพฯไม่ได้กันไปจึงอ่อนวอนรบเล้าให้ท่านสร้างอีกเป็นเหตุให้ท่านทนความรบเล้าจากพวกลูกศิษย์ไม่ไหว จึงลงมือสร้างครั้งที่๒เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๑ เพื่อแจกจ่ายกับพวกลูกศิษย์ที่ยังไม่ได้รับ และก็เป็นแบบเดิมๆอีกเพราะท่านสร้างจำนานน้อย แต่ลูกศิษย์ท่านมากก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของศิษย์ จึงเป็นเหตุให้ท่านสร้างขึ้นมาอีกหนึ่งวาระในปี พ.ศ.๒๔๙๒ ซึ่งเป็นการสร้างยักษ์รุ่นสุดท้ายของท่าน
ท่านเจ้าคุณศรีฯ (สนธิ์) เป็นศิษย์พระปรมาจารย์สองสำนัก คือ เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ บุญ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม และสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ ท่านเป็นชาวอำเภอ พระพุทธบาท จ.สระบุรี ชาตะเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๖ เมื่ออายุได้ ๑๑ ขวบ โยมมารดาของท่านได้พามาฝากอยู่ที่คณะ ๑๕ วัดสุทัศน์ พ.ศ. ๒๔๕๘ อายุ ๑๓ ปี บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดสุทัศน์นั่นเอง ปีต่อมาได้เดินทางไปอยู่กับหลวงปู่บุญ ที่วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม อยู่ได้ปีเดียว และได้รับการสอนสั่งจากหลวงปู่บุญอย่าง เคร่งครัด ก็ลากลับวัดสุทัศน์ด้วยความอาลัยยิ่งของหลวงปู่บุญ พ.ศ. ๒๔๖๖ ได้อุปสมบท ณ พระอุโบสถวัดสุทัศน์ โดยมีสมเด็จพระสังฆราช (แพ) เป็นพระอุปัชฌาย์และจำพรรษา ณ วัดสุทัศน์ เรื่อยมา โดยเป็นศิษย์ก้นกุฏิในท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ทำงานแทนท่านทุกอย่างตามที่ได้รับพระบัญชาด้วยความเรียบร้อยและถูกพระทัยเป็น อย่างมาก น่าเสียดายว่าท่านเจ้าคุณศรีฯ (สนธิ์) ถึงแก่มรณภาพเมื่ออายุได้เพียง ๔๙ ปี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ ด้วยอาการเจ็บป่วยอันเนื่องจากการตรากตรำทำงานหนักของท่าน ก่อนมรณภาพไม่นาน ท่านพูดเป็นนัยๆว่าเอ้า ใครจะเอาอะไรก็รีบขอซะนะ ฉันป่วยคราวนี้คง อยู่ได้ไม่นาน เพราะร่างกายมันกระเสาะกระแสะเต็มที แล้วท่านก็จากไปตามที่ท่านได้พูด ทิ้งท้ายไว้ ดังคำที่คนเก่าแก่ได้พูดไว้ว่าพระสงค์องค์ใดที่สำเหร็จแล้วจะรู้วันละสังขารของตัวท่านเอง เป็นความรู้ที่ควรค่าต่อการศึกษาและจดจำครับ
อนุวัต บูรณสัจจะ(วัต ท่าพระจันทร์)
คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร(บูชาประจำวัน)
ตั้ง นะโม ๓ จบ (จุดธูป ๙ ดอก)

อิติปิโสภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวรรณโณ
มรณังสุขัง อะหังสุคะโต นะโมพุทธายะ
ท้าวเวสสุวรรณโณ จตุมหาราชิกา ยักขะพันตา ภัทภูริโต
เวสสะ พุสะ พุทธัง อะระหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวรรณโณ นะโมพุทธายะ
ขอขอบคุณข้อมูลล้ำค่าจากร้าน อ.วัต ท่าพระจันทร์ เป็นอย่างสูงคับ
ผู้เข้าชม
10355 ครั้ง
ราคา
-
สถานะ
มาใหม่
ชื่อร้าน
ยังไม่เปิดร้านค้า
ร้านค้า
-
โทรศัพท์
ไอดีไลน์
dangsichon785785
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกรุงเทพ / 692-0-04529-8

ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
Le29Amuletว.ศิลป์สยามTotoTatoErawansomemanยุ้ย พลานุภาพ
chaithawatkaew กจ.Putanarintonfuchoo18สยามพระเครื่องไทยholypanyadvm
NongBossพระดี46ก้อง วัฒนาภูมิ IRเสือรากไทรPannee26
Chumpholบ้านพระสมเด็จบ้านพระหลักร้อยep8600สายน้ำอุ่นเจริญสุข
AirphaputornกรัญระยองAchiหมี คุณพระช่วยnatthanetRAPIN

ผู้เข้าชมขณะนี้ 1237 คน

เพิ่มข้อมูล

ท้าวเวสสุวรรณ เจ้าคุณศรีสนธิ์ เนื้อเงิน(โคตรหายาก)พิมพ์ฐานบัวเม็ดหรือฐานใข่ปลาจัดสร้างในปี พ.ศ.๒๔๙๑




  ส่งข้อความ



ชื่อพระเครื่อง
ท้าวเวสสุวรรณ เจ้าคุณศรีสนธิ์ เนื้อเงิน(โคตรหายาก)พิมพ์ฐานบัวเม็ดหรือฐานใข่ปลาจัดสร้างในปี พ.ศ.๒๔๙๑
รายละเอียด
ท้าวเวสสุวรรณ เป็นอธิบดีแห่งอสูรย์หรือยักษ์ หรือเป็นเจ้าแห่งผี เรียกง่าย ๆ ว่า " นายผี " เป็นหนึ่งในบรรดาท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้คุ้มครองและดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ซึ่งมีท้าวมหาราชทั้งสี่ปกครอง คือ ท้าวธตรัฏฐะ ท้าววิรุฬหกะ ท้าววิรูปักขะ และท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร) ประจำทิศต่างๆ ทั้งสี่ทิศโดยเฉพาะท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร) เป็นใหญ่ปกครองบริวารทางทิศเหนือ ว่ากันว่าอาณาเขตที่ท่านท้าวเวสสุวรรณดูแลปกครองรับผิดชอบมีอาณาเขตใหญ่โตมหาศาล กว้างขวาง และเป็นใหญ่กว่าท้าวจตุโลกบาลทั้ง4 กล่าวคือเป็นหัวหน้าท้าวมหาราชองค์อื่นๆนั่นเอง
ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทพแห่งขุมทรัพย์ เป็นมหาเทพแห่งความร่ำรวย มั่งคั่ง รักษาสมบัติของชาวโลกโบราณ ศาสนสถานสำคัญต่างๆมากมายทั้งเป็นเจ้านายปกครองดูแลพวกยักษ์ภูติผีปีศาจทั้งปวง
ในคัมภีร์เทวภูมิ กล่าวไว้ว่า ท้าวเวสสุวรรณได้บำเพ็ญพรตตบะบารมีธรรมมาหลายพันปี รับพรจาก พระอิศวร พระพรหม ให้เป็นเทพแห่งความร่ำรวย นอกจากนี้หน้าที่ของท่านท้าวเวสสุวรรณนั้นมีมากมาย เช่น
๑.การดูแลรักษาทรัพย์สมบัติของชาวโลกโบราณ และขุมทรัพย์ที่ซ่อนเร้น
๒.ดูแลปกป้องคุ้มครองศาสนสถานสำคัญต่างๆ
๓.ดูแลปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนาและปกป้องคุ้มครองแก่ผู้นั่งสมาธิปฏิบัติพระกรรมฐานปฏิบัติพระธรรม
๔.ดูแลเป็นเจ้านายปกครองพวกยักษ์ภูติผีปีศาจทั้งหลายทั้งปวงให้อยู่ในกฎในระเบียบ เป็นต้น

ในคัมภีร์โบราณ ได้กล่าวไว้ว่าผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา เสริมดวงชะตาและรอดพ้นจากผีร้ายวิญญาณอุบาทว์จังไร ให้ท่านผู้นั้นบูชารูปท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวรเป็นหลัก "ในที่นี้จะขออ้างข้อมูลที่เป็นแหล่งความรู้ในสารานุกรมไทย" คือ
"สารานุกรมไทย" ฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน เล่มที่ ๓ หน้า ๑๔๓๙
กล่าวถึง ท้าวกุเวร หรือ ท้าวเวสสุวรรณ ไว้ว่า กุเวร-ท้าว พระยายักษ์ผู้เป็นเจ้าแห่งขุมทรัพย์ มียักษ์ และคุยหกะ (ยักษ์ผู้เฝ้าขุมทรัพย์) เป็นบริวาร ท้าวกุเวรนั้น บางทีก็เรียกว่า ท้าวไวศรวัน (เวสสุวรรณ) ภาษาทมิฬ เรียก กุเวร ว่า กุเปรัน ซึ่งมีเรื่องอยู่ในรามเกียรติ์ว่า เป็นพี่ต่างมารดาของ ทศกัณฐ์ และทศกัณฐ์ไปแย่งบุษบก ของท้าวกุเวรไป ท้าวกุเวรมีรูปร่างพิการ ผิวขาว มีฟัน ๘ ซี่ และมีขาสามขา (ภาพท้าวเวสสุวรรณจึงมักเขียนท่ายืนแยงแย ถือไม้กระบองยาว อยู่หว่างขา) เมืองท้าวกุเวร ชื่อ อลกาอยู่ บนเขาหิมาลัย มีสวนอุทยานอยู่ไหล่เขาแห่งหนึ่ง ของเขาพระสุเมรุ ชื่อว่า สวนไจตรต หรือ มนทร มีพวกกินนร และคนธรรพ์เป็นผู้รับใช้ ท้าวกุเวรเป็นโลกบาล ประจำทิศเหนือ
ท้าวกุเวรนี้ สถิตอยู่ยอดเขายุคนธรอีสานราชธานี มีสระโกธาณีใหญ่ ๑ สระ ชื่อ ธรณี กว้าง ๕๐ โยชน์ ในน้ำ ดารดาษไปด้วยประทุมชาติ และคลาคล่ำไปด้วย หมู่สัตว์น้ำต่างพรรณ ขอบสระมีมณฑป ชื่อ ภคลวดี กว้างใหญ่ ๑๒ โยชน์ สำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ปกคลุมด้วยเครือเถาภควดีลดาวัลย์ ซึ่งมีดอกออกสะพรั่งห้อยย้อยเป็นพวงพู ณ สถานที่นี้ เป็นสโมสรสถาน ของเหล่ายักษ์บริวาร และยังมีนครสำหรับเป็นที่แปรเทพยสถานอีก ๑๐ แห่ง ท้าวกุเวรมียักษ์ เป็นเสนาบดี ๓๒ ตน ยักษ์รักษาพระนคร ๑๒ ตน ยักษ์เฝ้าประตูนิเวศ ๑๒ ตน ยักษ์ที่เป็นทาส ๙ ตน
นอกจากนี้ยังมีกล่าวว่า ท้าวเวสสุวรรณยังมีกายสีเขียว สัณฐานสูง 2 คาวุต ประมาณ 200 เส้น มีอาวุธเป็นกระบอง มีพาหนะ ช้าง ม้า รถ บางทีปราสาท อาภรณ์มงกุฎประดับรูปนาค ดำรงอิสริยศเป็นเจ้าแห่งยักษ์เจ้าแห่งทรัพย์ มีบริวารแสนโกฏิ ถือโล่แก้ว ประพาฬ หอกทอง เป็นต้น
จากข้อมูลข้างต้นจะขอนำมากล่าวถึงรูปหล่อ เทแบบโบราณที่เป็นรูปท้าวเวสสุวรรณที่โด่งดังมากด้วยประสบการณ์และเป็นที่ต้องการ อันดับหนึ่งของวงการผู้สะสมนิยมพระเครื่องคือ
รูปหล่อเทแบบโบราณท้าวเวสสุวรรณที่สร้างโดยท่านเจ้าคุณศรีฯ(สนธ์) แห่งวัดสุทัศน์ฯ
ในกระบวนการพระหล่อพระเทแบบโบราณ ที่ขึ้นชื่อและเป็นที่ปรารถนาต้องการของบรรดานักสะสมพระเครื่องทุกยุคทุกสมัย ก็คงหนีไม่พ้นพระหล่อโบราณของสำนักวัดสุทัศน์ ด้วยนิยมในพิธีกรรมอันเป็นเลิศเคร่งรัดในฤกษ์ผานาที ตลอดจน การกระแสโลหะอันงดงาม แต่ราคาพระกริ่งพระชัยสำนักวัดสุทัศน์ที่สร้างโดยสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ล้วนมีราคาที่แพงมากๆ ระดับราคาตั้งแต่หลายๆแสนกระทั่งถึงหลายๆล้านจนเกินเอี่อมสำหรับบุคคลธรรมดาทั่วๆไปจนหลายคนจรดไม่ลง กระนั้นสำนักแห่งนี้ก็ยังมีของดีเป็นของเก่าสร้างในสมัย ท่านเจ้าคุณศรีฯ (สนธิ์) ให้เล่นหาสะสม บูชาคุ้มครองตัวอีกมากมายหลายอย่าง พระเหล่านี้สร้างที่ วัดสุทัศน์ด้วย มีเชื้อชนวนมวลสารพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ของเก่าที่สืบเนื่องมาตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ท่านสร้างพระกริ่งพระชัยวัฒน์ในยุคต้นๆ หนึ่งในนั้นที่จะนำมากล่าวถึง คือ ท้าวเวสสุวรรณ(ท้าวกุเวร)หรือที่เรียกกันสันๆว่ายักษ์วัดสุทัศน์นั่นเอง
มีการจัดสร้างสามครั้งสามวาระสามแบบพิมพ์คือ
๑.พิมพ์ฐานผ้าทิพย์(นิยม๑)จัดสร้างในปี พ.ศ.๒๔๙๐ จำนวนน้อยมากๆไม่น่าจะเกินสองร้อยองค์มีราคาหลักแสนขึ้นลง_คือหมื่นปลายถึงแสนปลายสองแสนต้นๆแล้วแต่สภาพความสวย คม สมบูรณ์ (ราคาเมื่อปีพ.ศ.๒๕๕๒) เหตุที่แพงมากๆเพราะ สร้างน้อย ประสบการณ์มาก แบบพิมพ์สวย และถือเป็นรุ่นแรก
๒.พิมพ์ฐานบัวเม็ดหรือฐานใข่ปลาจัดสร้างในปี พ.ศ.๒๔๙๑ จำนานหลักพันองค์ไม่น่าจะเกินสองหรือสามพันองค์แต่ก็ไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน มีราคาหลักหมื่นกลาง(อยู่ที่สภาพและความสวยสมบูรณ์)
๓.พิมพ์หน้ามนุษย์หรือที่เรียกกันง่ายๆว่าพิมพ์หน้าคนจัดสร้างในปี พ.ศ.๒๔๙๒ จำนวนมากขึ้นมาหน่อยเพราะพบเห็นมากกว่าแต่ก็ไม่น่าจะเกินห้าหรือหกพันองค์แต่ก็ไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน เพราะไม่มีหลักฐานเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแต่คำนวนจากการเล่นหาผ่านมือและการพูดถึงของเซียนพระ และนักเล่นพระรุ่นเก่าๆท่านพูดกันไว้ว่า ยักษ์ท่านเจ้าคุณศรีฯ สร้างถึงสามวาระแต่จำนวนน้อยเหลือเกินไม่เพียงพอต่อความต้องการของ(ลูกค้า)คนที่ศรัทธาท่านที่จะนำมาปกป้องคุ้มครองตัว

เหตุผลที่มีการจัดสร้างครั้งแรกในปีพ.ศ.๒๔๙๐เพราะ
เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ท่านเจ้าคุณศรีฯได้กลับไปที่จังหวัดสระบุรี และได้เริ่มลงมือสร้างพระอุโบสถวัดศรีจอมทอง (วัดตีนโนน) ตำบลห้วยป่าหวาย กิ่งอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี อันเป็นชาติภูมิ(บ้านเกิด)ของท่านได้กระทำพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันศุกร์ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๖ ปีกุน นพศก จุลศักราช ๑๓๐๙ ตรงกับวันที่ ๒พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๐ และได้ลงมือปลูกสร้าง แต่ในระหว่างปลูกสร้างนั้น เหล่าบรรดาช่างและชาวบ้านที่มาช่วยงาน ต่างโดน วิญญาณ ภูติผี คอยหลอกหลอนไม่เว้นแต่ละวันจนไม่เป็นอันทำงาน และการสร้างพระอุโบสถก็ดูท่าว่าจะไม่เสร็จเป็นแน่ เพราะชาวบ้านและเหล่าช่างที่มาช่วยงานไม่กล้ามาทำการก่อสร้างกันอีก จึงเป็นเหตุให้ท่านเจ้าคุณศรีฯต้องกลับมาที่วัดสุทัศฯเพื่อมาทำการเทหล่อ ยักษ์ชุดนี้(พิมพ์๑)เพื่อไปแจกจ่ายเหล่าบรรดาชาวบ้านและช่างที่มาช่วยงาน และก็เป็นที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง เพราะตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มี วิญญาณ และพวกภูติผี ออกมาหลอกหลอนอีกเลย และเมี่อเกิดประสบการณ์เหล่าบรรดาลูกศิษย์ที่ตามไปจากกรุงเทพฯ ไม่ได้พระชุดนี้เพราะสร้างน้อยและ(ไม่มีใครสนใจเพราะไม่ใช่พระกริ่งเหตุเพราะเหล่าลูกศิษย์มีความเชื่อว่าวัดสุทัศน์ต้องพระกริ่งเท่านั้น) และอีกหนึ่งสาเหตุคือท่านทำเป็นการเฉพาะกิจคือท่านตั้งใจทำแจกแค่เหล่าบรรดาชาวบ้านและช่างที่มาช่วยงานก่อสร้างวัดเท่านั้นศิษย์ที่ตามไปจากกรุงเทพฯจึงไม่ได้กัน พอมีเหตุการที่น่าอัศจรรย์และเกิดประสบการณ์เหล่าศิษย์ที่กรุงเทพฯไม่ได้กันไปจึงอ่อนวอนรบเล้าให้ท่านสร้างอีกเป็นเหตุให้ท่านทนความรบเล้าจากพวกลูกศิษย์ไม่ไหว จึงลงมือสร้างครั้งที่๒เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๑ เพื่อแจกจ่ายกับพวกลูกศิษย์ที่ยังไม่ได้รับ และก็เป็นแบบเดิมๆอีกเพราะท่านสร้างจำนานน้อย แต่ลูกศิษย์ท่านมากก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของศิษย์ จึงเป็นเหตุให้ท่านสร้างขึ้นมาอีกหนึ่งวาระในปี พ.ศ.๒๔๙๒ ซึ่งเป็นการสร้างยักษ์รุ่นสุดท้ายของท่าน
ท่านเจ้าคุณศรีฯ (สนธิ์) เป็นศิษย์พระปรมาจารย์สองสำนัก คือ เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ บุญ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม และสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ ท่านเป็นชาวอำเภอ พระพุทธบาท จ.สระบุรี ชาตะเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๖ เมื่ออายุได้ ๑๑ ขวบ โยมมารดาของท่านได้พามาฝากอยู่ที่คณะ ๑๕ วัดสุทัศน์ พ.ศ. ๒๔๕๘ อายุ ๑๓ ปี บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดสุทัศน์นั่นเอง ปีต่อมาได้เดินทางไปอยู่กับหลวงปู่บุญ ที่วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม อยู่ได้ปีเดียว และได้รับการสอนสั่งจากหลวงปู่บุญอย่าง เคร่งครัด ก็ลากลับวัดสุทัศน์ด้วยความอาลัยยิ่งของหลวงปู่บุญ พ.ศ. ๒๔๖๖ ได้อุปสมบท ณ พระอุโบสถวัดสุทัศน์ โดยมีสมเด็จพระสังฆราช (แพ) เป็นพระอุปัชฌาย์และจำพรรษา ณ วัดสุทัศน์ เรื่อยมา โดยเป็นศิษย์ก้นกุฏิในท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ทำงานแทนท่านทุกอย่างตามที่ได้รับพระบัญชาด้วยความเรียบร้อยและถูกพระทัยเป็น อย่างมาก น่าเสียดายว่าท่านเจ้าคุณศรีฯ (สนธิ์) ถึงแก่มรณภาพเมื่ออายุได้เพียง ๔๙ ปี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ ด้วยอาการเจ็บป่วยอันเนื่องจากการตรากตรำทำงานหนักของท่าน ก่อนมรณภาพไม่นาน ท่านพูดเป็นนัยๆว่าเอ้า ใครจะเอาอะไรก็รีบขอซะนะ ฉันป่วยคราวนี้คง อยู่ได้ไม่นาน เพราะร่างกายมันกระเสาะกระแสะเต็มที แล้วท่านก็จากไปตามที่ท่านได้พูด ทิ้งท้ายไว้ ดังคำที่คนเก่าแก่ได้พูดไว้ว่าพระสงค์องค์ใดที่สำเหร็จแล้วจะรู้วันละสังขารของตัวท่านเอง เป็นความรู้ที่ควรค่าต่อการศึกษาและจดจำครับ
อนุวัต บูรณสัจจะ(วัต ท่าพระจันทร์)
คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร(บูชาประจำวัน)
ตั้ง นะโม ๓ จบ (จุดธูป ๙ ดอก)

อิติปิโสภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวรรณโณ
มรณังสุขัง อะหังสุคะโต นะโมพุทธายะ
ท้าวเวสสุวรรณโณ จตุมหาราชิกา ยักขะพันตา ภัทภูริโต
เวสสะ พุสะ พุทธัง อะระหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวรรณโณ นะโมพุทธายะ
ขอขอบคุณข้อมูลล้ำค่าจากร้าน อ.วัต ท่าพระจันทร์ เป็นอย่างสูงคับ
ราคาปัจจุบัน
-
จำนวนผู้เข้าชม
11514 ครั้ง
สถานะ
มาใหม่
โดย
ชื่อร้าน
ยังไม่เปิดร้านค้า
URL
-
เบอร์โทรศัพท์
0907178757.......0945782578
ID LINE
dangsichon785785
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกรุงเทพ / 692-0-04529-8




กำลังโหลดข้อมูล

หน้าแรกลงพระฟรี